Browse By

Monthly Archives: October 2025

โธมัส แฟร้งค์ มองการเสริมทัพตลาด อยากได้ เนธาน คอลลินส์

โธมัส แฟร้งค์ เฮดโค้ชชาวเดนมาร์กของท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กำลังวางแผนเสริมความแข็งแกร่งให้แนวรับของทีมในตลาดซื้อขายนักเตะรอบถัดไป โดยมีชื่อของ เนธาน คอลลินส์ กองหลังชาวไอริชของเบรนท์ฟอร์ด เป็นเป้าหมายหลักที่เขาต้องการดึงมาร่วมงานอีกครั้ง แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยว่ากุนซือรายนี้ยังคงติดตามฟอร์มของลูกทีมเก่ามาโดยตลอด และเชื่อว่าคอลลินส์จะสามารถยกระดับเกมรับของสเปอร์สได้ทันทีหากได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งในถิ่นท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ฟุตบอล โธมัส แฟร้งค์ เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสเปอร์สเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากที่สโมสรตัดสินใจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทีมเพื่อยกระดับผลงานให้กลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์อีกครั้ง เขาได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดบริหารให้สร้างทีมตามแนวทางของตัวเอง ซึ่งหนึ่งในจุดที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดคือ “แนวรับ” เพราะในฤดูกาลก่อน สเปอร์สเสียประตูมากเกินไปในหลายเกมสำคัญ ทำให้ทีมพลาดโอกาสคว้าพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปอย่างน่าเสียดาย ในฐานะที่เป็นโค้ชซึ่งมีปรัชญาการเล่นชัดเจน โธมัส แฟร้งค์ เชื่อว่าการเริ่มต้นสร้างทีมที่มั่นคงต้องมาจากแนวรับที่แข็งแกร่ง เขาต้องการนักเตะที่มีทั้งพละกำลัง ความเร็ว และความเข้าใจในระบบเกมรับที่ยืดหยุ่นได้ ซึ่งเนธาน คอลลินส์ ถือเป็นนักเตะที่ตอบโจทย์ในทุกด้าน คอลลินส์เป็นผู้เล่นที่โธมัส แฟร้งค์เคยร่วมงานอย่างใกล้ชิดในสมัยอยู่เบรนท์ฟอร์ด และเป็นหนึ่งในลูกทีมที่เขาชื่นชมมากที่สุดในเรื่องของความเป็นมืออาชีพ ในฤดูกาล 2023-24 ที่ผ่านมา คอลลินส์ลงเล่นให้เบรนท์ฟอร์ดไปกว่า

การ์นาโช่ ปีก เชลซี บอกความบาดหมางระหว่างเขากับ แมนฯ ยูไนเต็ด

อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกดาวรุ่งทีมชาติอาร์เจนตินาของเชลซี ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรกถึงความบาดหมางที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับอดีตต้นสังกัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากการย้ายทีมที่สร้างความตกตะลึงให้วงการฟุตบอลอังกฤษในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ดาวเตะวัยเพียง 21 ปีรายนี้เป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอล “ปีศาจแดง” เคยฝากความหวังไว้สูงมาก แต่ด้วยปัญหาทั้งในและนอกสนาม รวมถึงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับผู้บริหารและทีมงานโค้ช ทำให้เส้นทางในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้องจบลงเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด การ์นาโช่กล่าวในบทสัมภาษณ์พิเศษกับสื่ออังกฤษว่า “มันไม่ใช่เรื่องของความเกลียดชัง แต่เป็นเรื่องของการมองคนละมุม ผมให้เกียรติแมนฯ ยูไนเต็ดเสมอ แต่บางสิ่งมันแตกหักไปแล้ว และผมคิดว่าการย้ายออกมาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดทั้งสำหรับผมและสโมสร” คำพูดของเขาอาจฟังดูตรงไปตรงมาแต่แฝงด้วยความขมขื่น เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าการ์นาโช่เคยถูกมองว่าเป็น “อนาคตของยูไนเต็ด” ภายใต้การคุมทีมของเอริก เทน ฮาก ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน การ์นาโช่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับแมนฯ ยูไนเต็ดในวัยเพียง 19 ปี ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุดัน รวดเร็ว และเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขายิงประตูสุดสวยในเกมกับฟูแล่มและเรอัล เบติส จนกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลในทันที สไตล์การเล่นที่มีความคล้ายคลึงกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำให้เขาได้รับการจับตามองอย่างมาก และสื่อบางแห่งถึงกับยกให้เขาเป็น

มาร์กุส ตูราม ยืนยันไม่น่ากังวลเรื่องอาการบาดเจ็บ

มาร์กุส ตูราม ศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศสของอินเตอร์ มิลาน ออกมายืนยันด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจว่าอาการบาดเจ็บที่ได้รับในเกมล่าสุดไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล และเขาพร้อมกลับมาช่วยทีมในเร็ววัน ดาวเตะวัย 28 ปีรายนี้สร้างผลงานยอดเยี่ยมให้กับ “งูใหญ่” นับตั้งแต่ย้ายมาจากโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ฟุตบอล เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2023 เขาได้กลายเป็นหนึ่งในกองหน้าคู่บุญของเลาตาโร่ มาร์ติเนซ และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาลที่ผ่านมา แม้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แฟนบอลอินเตอร์จะรู้สึกตกใจหลังเห็นตูรามออกจากสนามด้วยอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อระหว่างเกมอุ่นเครื่องกับฟิออเรนติน่า แต่ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเปิดเผยผ่านสื่ออิตาลีว่า อาการดังกล่าวไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายคนกังวล “ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง มันเป็นแค่กล้ามเนื้อตึงเล็กน้อยจากการซ้อมหนักช่วงปรีซีซั่น ผมจะกลับมาลงสนามได้ในไม่ช้าแน่นอน” ตูรามกล่าวด้วยรอยยิ้มที่สร้างความโล่งใจให้แฟนบอล สิ่งที่ทำให้ข่าวนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะมาร์กุส ตูรามถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในแนวรุกของซิโมเน่ อินซากี้ การประสานงานของเขากับเลาตาโร่ มาร์ติเนซ กลายเป็นหนึ่งในคู่หูที่อันตรายที่สุดในยุโรปในซีซั่นที่ผ่านมา ความเร็ว ความแข็งแกร่ง และเทคนิคการจับบอลที่แม่นยำของตูรามช่วยให้เกมรุกของอินเตอร์มีมิติหลากหลายมากขึ้น เขาไม่เพียงแต่ทำประตูเองได้ แต่ยังมีบทบาทในการสร้างสรรค์เกมและเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมอีกด้วย ในฤดูกาล 2024-25 ที่เพิ่งผ่านไป

วิลเลี่ยม ซาลีบา มั่นใจว่าพวกเขาพร้อมสำหรับฤดูกาล 2025-26

วิลเลี่ยม ซาลีบา ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสของอาร์เซน่อล ออกมาแสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า “เดอะ กันเนอร์ส” พร้อมแล้วสำหรับการล่าแชมป์ในฤดูกาล 2025-26 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังจากในซีซั่นที่ผ่านมา พวกเขาเฉียดแชมป์พรีเมียร์ลีกไปอย่างน่าเสียดาย โดยต้องยอมรับความจริงว่าความสม่ำเสมอในช่วงท้ายฤดูกาลเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โอกาสหลุดมือไปอย่างเจ็บปวด แต่ในครั้งนี้ ซาลีบาเชื่อว่าทีมของเขามีทั้ง “พลัง ความกระหาย และความมั่นคง” ที่เพียงพอจะพาพวกเขาไปถึงฝั่งฝันเสียที ดาวเตะวัย 24 ปีรายนี้ ถือเป็นหัวใจหลักในแนวรับของอาร์เซน่อลภายใต้การคุมทีมของมิเกล อาร์เตต้า ตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา เขาไม่เพียงมีความแข็งแกร่งในการป้องกัน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเริ่มต้นการบุกจากแนวหลังด้วยการจ่ายบอลที่เฉียบคมและแม่นยำ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้าของทีมชุดนี้ ด้วยความมั่นใจในตัวเองและศักยภาพของเพื่อนร่วมทีม ซาลีบากล่าวอย่างหนักแน่นว่า “พวกเราทุกคนรู้ว่าเรามีสิ่งที่จำเป็นจะต้องมีเพื่อเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ไม่มีข้อแก้ตัวอีกแล้ว ทุกคนในทีมพร้อมสู้เพื่อเป้าหมายนั้น” ในซีซั่นก่อน อาร์เซน่อลทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยจบอันดับที่สองของตารางด้วยคะแนนที่สูงถึง 89 คะแนน แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะเบียดแชมป์จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ยังคงรักษามาตรฐานระดับเทพอย่างต่อเนื่อง การที่อาร์เซน่อลต้องเผชิญกับความกดดันในช่วงโค้งสุดท้าย ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทั้งทีมได้เรียนรู้ และกลายเป็นแรงผลักดันครั้งใหญ่สำหรับฤดูกาลใหม่นี้ ซึ่งการเริ่มต้นด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมจากนักเตะอย่างซาลีบา

ไบรอัน เอ็มเบอโม่ กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมโฟกัสกับการยกระดับผลงาน

ในช่วงเวลาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากผลงานในสนามและเสียงวิจารณ์จากรอบด้าน ไบรอัน เอ็มเบอโม่ กองหน้าชาวแคเมอรูนของทีมได้ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน เขาเชื่อว่าความสำเร็จของสโมสรจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อนักเตะทุกคนเลือกที่จะ “มองกลับมาที่ตัวเอง” ก่อนสิ่งอื่นใด เอ็มเบอโม่กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ก่อนเกมลีกนัดสำคัญว่า “ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำไม่ใช่การเปรียบเทียบกับใคร หรือพูดถึงทีมอื่น แต่ต้องมุ่งมั่นยกระดับผลงานของตัวเอง เพราะทีมที่ดีจะเริ่มต้นจากแต่ละคนที่มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองก่อนเสมอ” คำพูดของเขาอาจฟังดูเรียบง่าย แต่กลับสะท้อนจิตใจของนักเตะที่เข้าใจสถานการณ์ของทีมอย่างแท้จริง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน มีทั้งช่วงเวลาที่เล่นได้ยอดเยี่ยมและช่วงที่ขาดความสม่ำเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่เอ็มเบอโม่พยายามเน้นย้ำคือ “ความต่อเนื่อง” เขาเชื่อว่า ความมั่นคงทางผลงานจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนไม่มัวแต่ครุ่นคิดถึงสิ่งภายนอก แต่กลับมาโฟกัสในสิ่งที่ตนเองสามารถควบคุมได้ “เราต้องมองทุกเกมเหมือนเป็นรอบชิงชนะเลิศ” เอ็มเบอโม่กล่าวอย่างหนักแน่น “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ ทุกครั้งที่เราสวมเสื้อตัวนี้ลงสนาม เราต้องเล่นด้วยความภาคภูมิใจและความรับผิดชอบ ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ให้ใครเห็น แต่เพื่อพิสูจน์ให้ตัวเองรู้ว่าเราดีพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้” คำพูดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในตัวกองหน้าวัย 25 ปีที่เพิ่งย้ายมาจากเบรนท์ฟอร์ดเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้จะใช้เวลาไม่นานในการปรับตัว แต่เอ็มเบอโม่ได้กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลปีศาจแดงให้ความสนใจมากที่สุด เพราะเขาไม่เพียงมีความสามารถในการเล่นเกมรุกที่รวดเร็วและเฉียบคม แต่ยังมีบุคลิกที่เป็นแบบอย่างให้กับเพื่อนร่วมทีม ในเกมล่าสุดที่ยูไนเต็ดลงสนาม เอ็มเบอโม่เป็นหนึ่งในนักเตะที่เล่นได้อย่างโดดเด่นที่สุด เขาไม่เพียงสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมหลายครั้ง แต่ยังทำงานหนักทั้งรุกและรับ วิ่งไล่กดดันแนวรับคู่แข่งจนโค้ชชื่นชม หลังเกมเขาให้สัมภาษณ์อย่างถ่อมตัวว่า

มิเกล อาร์เตต้า โหมโรงก่อนพบโอลิมเปียกอส

ค่ำคืนแห่งฟุตบอลยุโรปกำลังหวนกลับมาอีกครั้ง และในครั้งนี้ อาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เตรียมเผชิญหน้ากับทีมแกร่งจากกรีซอย่าง โอลิมเปียกอส ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีก เฟส ที่เอมิเรตส์ สเตเดียม เกมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการชิงสามแต้มสำคัญในกลุ่มเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งบททดสอบของ “เดอะ กันเนอร์ส” ที่กำลังพยายามพิสูจน์ตัวเองในเวทียุโรป หลังจากห่างหายจากความสำเร็จรายการนี้มานานหลายปี ก่อนเกมสำคัญจะเริ่มขึ้น อาร์เตต้าออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยความมั่นใจและแฝงไปด้วยพลังของผู้นำ เขากล่าวว่า “เกมกับโอลิมเปียกอสจะเป็นเกมที่เข้มข้นแน่นอน พวกเขาเป็นทีมที่มีประสบการณ์ในฟุตบอลยุโรปมาก แต่เราพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้า และผมอยากให้แฟน ๆ ที่เอมิเรตส์รู้ว่าเราจะสู้เต็มร้อยเพื่อพวกเขา” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยแรงกระตุ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอลอาร์เซน่อลคุ้นเคยดีจากกุนซือรายนี้ อาร์เตต้าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับทุกเกมในทุกรายการเสมอ โดยเฉพาะในเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เขาเชื่อว่าเป็นสนามที่วัดคุณภาพของทีมระดับทวีป “ถ้าอยากเป็นทีมใหญ่จริง ๆ คุณต้องแสดงให้เห็นในเวทียุโรป นี่คือระดับที่เราต้องไปให้ถึง” เขากล่าวอย่างหนักแน่น “ทุกนาทีในรายการนี้คือบททดสอบของความเป็นทีม และผมเชื่อว่าเรากำลังเติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง” บรรยากาศในแคมป์ของอาร์เซน่อลก่อนเกมเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นักเตะทุกคนต่างซ้อมอย่างเข้มข้นที่ลอนดอน