Browse By

Tag Archives: ฟุตบอล

โธมัส แฟร้งค์ มองการเสริมทัพตลาด อยากได้ เนธาน คอลลินส์

โธมัส แฟร้งค์ เฮดโค้ชชาวเดนมาร์กของท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กำลังวางแผนเสริมความแข็งแกร่งให้แนวรับของทีมในตลาดซื้อขายนักเตะรอบถัดไป โดยมีชื่อของ เนธาน คอลลินส์ กองหลังชาวไอริชของเบรนท์ฟอร์ด เป็นเป้าหมายหลักที่เขาต้องการดึงมาร่วมงานอีกครั้ง แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยว่ากุนซือรายนี้ยังคงติดตามฟอร์มของลูกทีมเก่ามาโดยตลอด และเชื่อว่าคอลลินส์จะสามารถยกระดับเกมรับของสเปอร์สได้ทันทีหากได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งในถิ่นท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ฟุตบอล โธมัส แฟร้งค์ เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสเปอร์สเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากที่สโมสรตัดสินใจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทีมเพื่อยกระดับผลงานให้กลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์อีกครั้ง เขาได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดบริหารให้สร้างทีมตามแนวทางของตัวเอง ซึ่งหนึ่งในจุดที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดคือ “แนวรับ” เพราะในฤดูกาลก่อน สเปอร์สเสียประตูมากเกินไปในหลายเกมสำคัญ ทำให้ทีมพลาดโอกาสคว้าพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปอย่างน่าเสียดาย ในฐานะที่เป็นโค้ชซึ่งมีปรัชญาการเล่นชัดเจน โธมัส แฟร้งค์ เชื่อว่าการเริ่มต้นสร้างทีมที่มั่นคงต้องมาจากแนวรับที่แข็งแกร่ง เขาต้องการนักเตะที่มีทั้งพละกำลัง ความเร็ว และความเข้าใจในระบบเกมรับที่ยืดหยุ่นได้ ซึ่งเนธาน คอลลินส์ ถือเป็นนักเตะที่ตอบโจทย์ในทุกด้าน คอลลินส์เป็นผู้เล่นที่โธมัส แฟร้งค์เคยร่วมงานอย่างใกล้ชิดในสมัยอยู่เบรนท์ฟอร์ด และเป็นหนึ่งในลูกทีมที่เขาชื่นชมมากที่สุดในเรื่องของความเป็นมืออาชีพ ในฤดูกาล 2023-24 ที่ผ่านมา คอลลินส์ลงเล่นให้เบรนท์ฟอร์ดไปกว่า

วิลเลี่ยม ซาลีบา มั่นใจว่าพวกเขาพร้อมสำหรับฤดูกาล 2025-26

วิลเลี่ยม ซาลีบา ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสของอาร์เซน่อล ออกมาแสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า “เดอะ กันเนอร์ส” พร้อมแล้วสำหรับการล่าแชมป์ในฤดูกาล 2025-26 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังจากในซีซั่นที่ผ่านมา พวกเขาเฉียดแชมป์พรีเมียร์ลีกไปอย่างน่าเสียดาย โดยต้องยอมรับความจริงว่าความสม่ำเสมอในช่วงท้ายฤดูกาลเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โอกาสหลุดมือไปอย่างเจ็บปวด แต่ในครั้งนี้ ซาลีบาเชื่อว่าทีมของเขามีทั้ง “พลัง ความกระหาย และความมั่นคง” ที่เพียงพอจะพาพวกเขาไปถึงฝั่งฝันเสียที ดาวเตะวัย 24 ปีรายนี้ ถือเป็นหัวใจหลักในแนวรับของอาร์เซน่อลภายใต้การคุมทีมของมิเกล อาร์เตต้า ตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา เขาไม่เพียงมีความแข็งแกร่งในการป้องกัน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเริ่มต้นการบุกจากแนวหลังด้วยการจ่ายบอลที่เฉียบคมและแม่นยำ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้าของทีมชุดนี้ ด้วยความมั่นใจในตัวเองและศักยภาพของเพื่อนร่วมทีม ซาลีบากล่าวอย่างหนักแน่นว่า “พวกเราทุกคนรู้ว่าเรามีสิ่งที่จำเป็นจะต้องมีเพื่อเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ไม่มีข้อแก้ตัวอีกแล้ว ทุกคนในทีมพร้อมสู้เพื่อเป้าหมายนั้น” ในซีซั่นก่อน อาร์เซน่อลทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยจบอันดับที่สองของตารางด้วยคะแนนที่สูงถึง 89 คะแนน แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะเบียดแชมป์จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ยังคงรักษามาตรฐานระดับเทพอย่างต่อเนื่อง การที่อาร์เซน่อลต้องเผชิญกับความกดดันในช่วงโค้งสุดท้าย ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทั้งทีมได้เรียนรู้ และกลายเป็นแรงผลักดันครั้งใหญ่สำหรับฤดูกาลใหม่นี้ ซึ่งการเริ่มต้นด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมจากนักเตะอย่างซาลีบา

ไบรอัน เอ็มเบอโม่ กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมโฟกัสกับการยกระดับผลงาน

ในช่วงเวลาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากผลงานในสนามและเสียงวิจารณ์จากรอบด้าน ไบรอัน เอ็มเบอโม่ กองหน้าชาวแคเมอรูนของทีมได้ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน เขาเชื่อว่าความสำเร็จของสโมสรจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อนักเตะทุกคนเลือกที่จะ “มองกลับมาที่ตัวเอง” ก่อนสิ่งอื่นใด เอ็มเบอโม่กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ก่อนเกมลีกนัดสำคัญว่า “ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำไม่ใช่การเปรียบเทียบกับใคร หรือพูดถึงทีมอื่น แต่ต้องมุ่งมั่นยกระดับผลงานของตัวเอง เพราะทีมที่ดีจะเริ่มต้นจากแต่ละคนที่มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองก่อนเสมอ” คำพูดของเขาอาจฟังดูเรียบง่าย แต่กลับสะท้อนจิตใจของนักเตะที่เข้าใจสถานการณ์ของทีมอย่างแท้จริง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน มีทั้งช่วงเวลาที่เล่นได้ยอดเยี่ยมและช่วงที่ขาดความสม่ำเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่เอ็มเบอโม่พยายามเน้นย้ำคือ “ความต่อเนื่อง” เขาเชื่อว่า ความมั่นคงทางผลงานจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนไม่มัวแต่ครุ่นคิดถึงสิ่งภายนอก แต่กลับมาโฟกัสในสิ่งที่ตนเองสามารถควบคุมได้ “เราต้องมองทุกเกมเหมือนเป็นรอบชิงชนะเลิศ” เอ็มเบอโม่กล่าวอย่างหนักแน่น “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ ทุกครั้งที่เราสวมเสื้อตัวนี้ลงสนาม เราต้องเล่นด้วยความภาคภูมิใจและความรับผิดชอบ ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ให้ใครเห็น แต่เพื่อพิสูจน์ให้ตัวเองรู้ว่าเราดีพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้” คำพูดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในตัวกองหน้าวัย 25 ปีที่เพิ่งย้ายมาจากเบรนท์ฟอร์ดเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้จะใช้เวลาไม่นานในการปรับตัว แต่เอ็มเบอโม่ได้กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลปีศาจแดงให้ความสนใจมากที่สุด เพราะเขาไม่เพียงมีความสามารถในการเล่นเกมรุกที่รวดเร็วและเฉียบคม แต่ยังมีบุคลิกที่เป็นแบบอย่างให้กับเพื่อนร่วมทีม ในเกมล่าสุดที่ยูไนเต็ดลงสนาม เอ็มเบอโม่เป็นหนึ่งในนักเตะที่เล่นได้อย่างโดดเด่นที่สุด เขาไม่เพียงสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมหลายครั้ง แต่ยังทำงานหนักทั้งรุกและรับ วิ่งไล่กดดันแนวรับคู่แข่งจนโค้ชชื่นชม หลังเกมเขาให้สัมภาษณ์อย่างถ่อมตัวว่า

ทำไม นักเตะ อย่าง โรนัลโด้ และ เมสซี่ ถึงทำแฮตทริกได้มากกว่าคนอื่น?

ในโลกฟุตบอล มี นักเตะ มากมายที่สามารถยิงประตูได้ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสร้าง “แฮตทริก” ได้อย่างต่อเนื่อง และยิ่งน้อยคนนักที่จะทำได้มากจนกลายเป็นสถิติระดับตำนาน สองชื่อที่โดดเด่นที่สุดคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ทั้งคู่สะสมแฮตทริกได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุคใหม่ คำถามที่แฟนบอลทั่วโลกต่างสงสัยคือ “ทำไมสองคนนี้ถึงทำได้มากกว่าคนอื่น?” บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงปัจจัยหลายด้าน ทั้งในแง่ร่างกาย จิตใจ เทคนิค แท็กติก และสภาพแวดล้อมรอบตัว ที่ทำให้โรนัลโด้และเมสซี่สามารถยืนอยู่บนยอดพีระมิดแห่งการทำแฮตทริกได้ ความหมายของแฮตทริกและคุณค่าที่มากกว่าแค่สามประตู ก่อนจะลงลึก เราต้องเข้าใจก่อนว่า แฮตทริก ไม่ได้หมายถึงการยิงสามประตูธรรมดา แต่คือการสร้างอิมแพ็กต์ในเกมเดียวที่เหนือชั้น การที่ นักเตะ สามารถทำแฮตทริกได้บ่อย หมายถึงเขามีศักยภาพในการเปลี่ยนเกมแบบ Game Changer ในสายตาแฟนบอล การทำแฮตทริกคือการยืนยันว่า นักเตะคนนั้นไม่ได้เก่งเพียงแค่ทำประตู แต่ยัง ครบเครื่องทั้งการเคลื่อนที่ การอ่านเกม และความเฉียบคม ปัจจัยด้านร่างกาย :

แฮตทริก คืออะไร? ความหมาย ความสำคัญ และตำนานแห่งวงการฟุตบอล

ในโลกของฟุตบอล คำว่า “แฮตทริก” เป็นหนึ่งในศัพท์ที่แฟนบอลทั่วโลกต่างคุ้นเคย มันไม่ใช่เพียงการทำประตูได้ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเฉียบคมและความพิเศษของผู้เล่นที่สามารถโชว์ฟอร์มเหนือชั้นในเกมหนึ่งเกมได้ การทำแฮตทริกจึงถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง และมักกลายเป็นเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ของสโมสรหรือทีมชาติ แต่จริงๆ แล้ว แฮตทริกหมายถึงอะไร มีที่มาอย่างไร และเหตุใดถึงได้รับการยกย่องมากขนาดนี้? ความหมายของแฮตทริก คำว่า “แฮตทริก” (Hat-trick) หมายถึง การที่นักฟุตบอลคนหนึ่งทำประตูได้ 3 ลูกภายในเกมเดียว โดยไม่จำกัดว่าจะต้องยิงติดต่อกันหรือไม่ เพียงแค่ทำได้ครบสามประตูก็ถือว่าเป็นแฮตทริกแล้ว แฮตทริกจึงไม่ใช่เพียงจำนวนประตู แต่ยังสะท้อนถึงความครบเครื่องของผู้เล่นคนนั้นๆ ที่มาของคำว่า “แฮตทริก” คำว่า “Hat-trick” มีต้นกำเนิดมาจากกีฬา คริกเก็ต ในประเทศอังกฤษ ช่วงศตวรรษที่ 19 เมื่อมีผู้เล่นสามารถทำ “สามวิเก็ตติดต่อกัน” สโมสรหรือทีมจะมอบหมวก (hat) ให้เป็นรางวัลเพื่อเป็นเกียรติ คำนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จที่ทำได้สามครั้งในคราวเดียว ต่อมา คำนี้ถูกนำมาใช้ในกีฬาฟุตบอลและแพร่หลายไปทั่วโลก โดยยังคงความหมายว่า การทำสิ่งที่ยากและโดดเด่นสามครั้งในการแข่งขันเดียว ทำไมแฮตทริกถึงสำคัญในฟุตบอล